Service Mind ต้องมี ….แต่ให้เอาไว้ทีหลัง
คัดลอกจากพี่ ผริญ nasket
ใครติดกับดักงานไม่เสร็จ…เพราะมีน้ำใจผิดเวลาหรือเปล่า
มีน้องคนนึง งานรั่วเพียบ น้องทำงานทุ่มเทพอตัว
ผมกลับมาออฟฟิศห้าทุ่ม…บางวันยังสวนกัน
.
.
แต่…งานหลุดเยอะมาก…วันนึงน้องสั่งงานไม่ละเอียด
งานหลุดเป็นพันชิ้น…
แน่นอนผมแผ่เมตตาให้อย่างรุนแรงกลางที่ประชุม
(คนเจริญภาวนาก็โกรธนี่แหละ แค่โกรธแล้วรู้ตัว)
.
.
เรียกน้องมาเข้าห้องเย็น…เห็นสัญญาณมันเริ่มถอดใจ
ถามว่า…เป็นอะไร…มันบอกเหนื่อย…
พูดแล้วก็ดักคอว่า…แต่คนอื่นๆ ก็เหนื่อยแหละพี่
(คงคิดว่าผมจะเคลียร์ตื้นๆ
แบบ พูดปลุกใจ ให้มีจิตสำนึก)
.
.
.
มึง…เปิด Excel ขึ้นมาเลย….ต่อขึ้น Projector ด้วย…
แล้วพิมพ์ลงไปว่า
1. มีงานอะไรบ้าง
2. งานนั้นมีความถี่ต่อสัปดาห์เท่าไหร่ (เช่น ถ้าทำเดือนละครั้งใส่ 0.25)
3. งานนั้นใช้เวลาเป็นนาที กี่นาที ใส่เผื่อๆ ไม่ต้องกดตัวเลข
หลังจากที่นั่งเงียบกัน 15 นาที…ก็คีย์เสร็จ
หลังจากดูที่เขียน
ผมเป็นคนเตือนงานที่ลืมใส่
และบางงานก็ให้เพิ่มความถี่ หรือเวลาให้มากตามจริง
พูดง่ายๆ คือ ให้มันใส่เวลาเพิ่ม
ถามซ้ำๆ หลายรอบ จนมันบอก…หมดจริงๆ คิดไม่ออกละ
.
.
จากนั้นให้เอา
ความถี่ต่อสัปดาห์ (2) x เวลาเป็นนาที (3)
ได้เลขมา 1040 จำเลขนี้ไว้ก่อน
.
.
โอเค…เอา 60 นาที x8 ชั่วโมง x5 วัน ได้เท่าไหร่
(ผมสั่ง แล้วนั่งรอดู….ให้มันได้คีย์เองกะมือ)
.
.
ได้ 2,400 ครับ…มันเริ่มรู้สึกตัวอะไรบางอย่าง
มาตะลึงกึ่งจะงง ตอนผมถามว่า…
.
.
.
.
ทำงานเกินเวลา โคตรยุ่งโคตรหนัก…
ทำไมเวลาทำงานจริงๆ ใช้แค่ 1040 ก็เกินพอ
นี่ทำเกินเวลาไปตั้งเยอะ
ทำไมเวลาหายไปตั้ง 1400 นาที 43%??
.
.
มันอึ้งปนทึ่ง…
เพราะผมเองเป็นคนที่บอกให้ใส่เวลาเพิ่ม
และมันเป็นคนเขียนเองกะมือ
(ใครตามไม่ทัน อ่านซ้ำๆ อีกที)
.
.
พี่จะเฉลยให้…สังเกตว่า เมื่อกี้
ระหว่างนั่งคุยกัน มีน้องมาขอความช่วยเหลือ
นายก็จะแว่บไปช่วยเขา…ถ้าพี่ไม่นั่งอยู่ด้วยคงลุกไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ ขนาดโดนด่ากลางห้อง…
พี่สั่งให้เตรียมข้อมูลมาคุยกัน
นายยังแวะไปตอบคำถามเพื่อนร่วมงาน…
ทำไมถึงทำแบบนั้น????
มันเงียบแบบงงๆ
พี่จะเฉลยให้…
.
.
——————!!!——————
ที่กลับบ้านดึกดื่น…งานเละเทะ เสร็จไม่ทันเวลา
เพราะใช้ Service Mind ผิดลำดับ
.
.
คนส่วนใหญ่ ที่ไม่ได้มีเป้าหมาย หรือ Dead line ไล่หลัง
แต่นั่งทำงานไม่ได้หยุด งานก็ไม่เคยเสร็จทันซะที
นั่นก็ไม่ทัน นี่ก็ไม่ได้…
อาจเป็นเพราะ มี Service Mind ผิดเวลา
.
.
Service Mind คือ
งานช่วยเหลือ…เมื่องานตัวเองเสร็จแล้ว
หรือเมื่อความล่าช้าของงานตัวเอง…
จะไม่กระทบต่อ Dead Line
.
.
ไม่ใช้ใครเดินมาทัก ใครเดินมาคุย หัวหน้าเดินมาสั่ง
ก็หันไปเรสป๊อน ตอบสนองกับเขาหมด แม้แต่กับหัวหน้า
ถ้าไม่เชื่อ
ลองทำงานย่อยที่หัวหน้าสั่งได้เสร็จ
แต่กระทบงานหลัก…งานหลักไม่เสร็จ…
แล้วบอกไปว่า…งานหลักไม่เสร็จ
เพราะงานย่อยที่พี่สั่งแทนครับ…
ดูซิว่าจะโดนชม หรือโดนด่า
ว่า…อ้าว แล้วทำไมไม่บอกก่อน
.
.
——————!!!——————
การเสียเวลาช่วงโฟกัสกับงาน (เวลา In Zone) นั้น
มี 2 ช่วง
1. เสียเวลาไปกับงานแทรก งานคุย
2. เสียเวลา “ตั้งสมาธิ”
ข้อ 2 นี่เปลือง กว่าข้อ 1 เยอะมาก
สมองต้องใช้เวลาสักพัก กว่าจะกลับมาที่ระดับ In Zone
ได้อีก คนส่วนใหญ่ พอสมาธิหลุดแล้วก็กลับมาที่เดิมอีกไม่ค่อยจะได้
ยิ่งโดนเรียกถี่ ถึงคุยแป๊บเดียว เวลาส่วนนี้ก็พุ่งแบบไม่รู้ตัว
——————!!!——————
วิธีแก้…
ต่อไปนี้ ให้นายแบ่งเวลา In Zone กับเวลาทั่วไป
เวลา Inzone คือ เวลาที่มีสมาธิ ทำงานไหลๆ
ไม่มีใครมากวน ทำงานไปทีละอย่างๆ
กับเวลาทั่วไป ที่ทำหลากหลาย แต่ไม่ต้องใช้สมาธิมาก
แล้วใช้เวลาเหมือน Disk ที่ Defrag เรียบร้อย
ใช้เวลา In Zone เป็นช่วงๆ 20-25 นาที แบบต่อเนื่องงานเดียว
ดีกว่าโดนกวนทุกๆ 5 นาที …ยิ่งทำให้งาน 25 นาที
กลายเป็นงาน 50 นาทีได้เพราะต้องเสียเวลาตั้งสมาธิใหม่เรื่อยๆ
ส่วนเทคนิคการหาโซนเงียบๆ มีหลายอย่าง
เช่น Post it สมองแว่บไปคิด มืออย่างเพิ่งทำ ให้จดไว้ก่อน
เช่น พี่เดินทัก เพื่อนถาม ลองตอบไปว่า เด๋วอีก 30 นาทีได้มั้ย
เช่น สายเข้า เปิดก่อนเลยว่า ด่วนมั้ยครับ…
——————!!!——————
แถม คำแนะนำในวันนั้นให้อีก 2 ข้อ
1. คุยกับหัวหน้าเบาๆ แต่บ่อยๆ ให้หัวหน้าจัดคิวงานให้ พี่ตอนนี้ผมมี 6 งาน พี่จัดลำดับก่อนหลังให้หน่อย
2. ประเมินเวลาที่มีล่วงหน้า คิดว่างานไหน จะไม่ไหว ขอความช่วยเหลือไว้ก่อน ดูเป็นผู้ใหญ่ที่ประเมินตัวเองเป็น มากกว่าเป็น คนรับจบ…ที่มาหลุดทีหลัง
3. Service Mind อย่าให้ขาด…ต้องมีให้…แต่เอาไว้ทีหลัง (หลังงานหลักตัวเองเสร็จ)การ
ความคิดเห็น